Skip to main content
Surveillance
Self-Defense

การปกป้องตัวเองในเครือข่ายทางสังคม

อัปเดตครั้งล่าสุด: October 30, 2018

This page was translated from English. The English version may be more up-to-date.

เครือข่ายสังคมเป็นเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดทางอินเทอร์เน็ต Facebook มีผู้ใช้จำนวนมากกว่าหนึ่งพันล้านคน ส่วน Instagram กับ Twitter แต่ละรายมีผู้ใช้จำนวนหลายร้อยล้านคน โดยทั่วไปแล้วเครือข่ายสังคมถูกสร้างขึ้นจากแนวคิดของการแชร์โพสต์ รูปภาพ และข้อมูลส่วนตัว นอกจากนี้ปัจจุบันเครือข่ายสังคมยังกลายมาเป็นฟอรั่มสำหรับการจัดงานรวมตัวและการกล่าวแถลงด้วย กิจกรรมต่าง ๆ เหล่านี้สามารถใช้ความเป็นส่วนตัวและใช้นามแฝงได้

ดังนั้นคำถามต่อไปนี้จึงมีความสำคัญในการพิจารณาว่าจะใช้เครือข่ายสังคมเมื่อใด ฉันจะสามารถโต้ตอบสื่อสารกับเว็บไซต์เหล่านี้โดยที่ปกป้องตัวเองไปด้วยในเวลาเดียวกันได้อย่างไร ความเป็นส่วนตัวพื้นฐานของฉันคืออะไร ข้อมูลระบุตัวตนของฉันคืออะไร รายชื่อบุคคลติดต่อและความเชื่อมโยงของฉันคืออะไร ข้อมูลใดที่ฉันต้องเก็บไว้เป็นความลับส่วนตัว และฉันต้องเก็บข้อมูลดังกล่าวไว้เป็นความลับจากใคร

ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ คุณอาจต้องปกป้องตัวคุณเองจากเครือข่ายสังคม จากผู้ใช้เว็บไซต์คนอื่น ๆ หรือทั้้งสองอย่าง

เคล็ดลับควรจำเมื่อสร้างบัญชี anchor link

  • ต้องการใช้ชื่อจริงของตัวเองหรือไม่ โซเชียลมีเดียบางเว็บไซต์มีนโนบายที่เรียกว่า “นโยบายชื่อจริง” แต่ไม่ได้ใช้นโยบายดังกล่าวอย่างเข้มงวดเมื่อเวลาผ่านไป อย่าใช้ชื่อจริงหากไม่ต้องการใช้ชื่อจริงเมื่อลงทะเบียนในเว็บไซต์โซเชียลมีเดีย
  • เมื่อลงทะเบียน อย่าให้ข้อมูลมากเกินว่าที่จำเป็น หากกังวลกับการปิดบังข้อมูลระบุตัวตน ให้ใช้ที่อยู่อีเมลอื่นแยกต่างหาก และหลีกเลี่ยงในการให้หมายเลขโทรศัพท์ ข้อมูลทั้งสองประเภทสามารถใช้เพื่อระบุตัวตนของคุณ และสามารถเชื่อมโยงกับบัญชีอื่น ๆ ได้ด้วย
  • ใช้ความระมัดระวังเมื่อเลือกรูปหรือภาพโปรไฟล์ นอกเหนือจากข้อมูลเมทาเดตาที่อาจมีเวลาและสถานที่ที่ภาพถูกถ่ายแล้ว ภาพดังกล่าวยังสามารถระบุข้อมูลบางประเภทได้ด้วย ก่อนเลือกภาพให้ถามว่า ภาพดังกล่าวถ่ายจากนอกบ้านหรือที่ทำงานหรือไม่ มีที่อยู่หรือชื่อถนนให้เห็นหรือไม่
  • ให้ระวังว่าอาจมีการบันทึกข้อมูลที่อยู่ IP ของคุณเมื่อลงทะเบียน
  • เลือกรหัสผ่านที่คาดเดาได้ยาก และถ้าเป็นไปได้ให้เปิดใช้การยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอน
  • ให้ระวังคำถามที่ใช้สำหรับกู้คืนรหัสผ่าน อย่างเช่น “คุณเกิดที่เมืองใด” หรือ “สัตว์เลี้ยงของคุณชื่ออะไร” เป็นต้น  เนื่องจากคำตอบสามารถหาได้จากรายละเอียดในบัญชีโซเชียลมีเดียของคุณ คุณอาจต้องเลือกคำตอบที่ผิดสำหรับคำถามที่ใช้สำหรับกู้คืนรหัสผ่าน วิธีที่ดีวิธีหนึ่งในการจำคำตอบของคำถามสำหรับกู้คืนรหัสผ่านในกรณีที่คุณเลือกใช้คำตอบที่ผิดจากความเป็นจริงเพื่อเพิ่มการรักษาความปลอดภัยคือ ให้บันทึกคำตอบที่เลือกไว้ในโปรแกรมจัดการรหัสผ่าน

ตรวจสอบนโยบายความเป็นส่วนตัวของเว็บไซต์โซเชียลมีเดีย anchor link

ข้อมูลที่บุคคลที่สามเป็นผู้จัดเก็บจะอยู่ภายใต้นโยบายของบุคคลที่สาม และอาจถูกนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการค้าหรือเปิดเผยกับบริษัทอื่น ๆ อย่างเช่น บริษัททำการตลาด ขณะที่การอ่านนโยบายความเป็นส่วนตัวดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก คุณอาจต้องอ่านส่วนที่อธิบายถึงวิธีการที่ข้อมูลของคุณจะถูกนำไปใช้ เมื่อมีการแชร์ข้อมูลดังกล่าวกับบุคคลอื่น และวิธีการที่ผู้ให้บริการตอบรับคำขอข้อมูลจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย

เว็บไซต์เครือข่ายสังคมส่วนใหญ่เป็นธุรกิจแบบหวังผลกำไร และมักจะเก็บรวบรวมข้อมูลสำคัญส่วนตัวมากเกินกว่าที่คุณได้ให้ไว้อย่างเปิดเผย เช่น ที่อยู่ ความสนใจ และโฆษณาที่คุณมีปฏิกิริยาโต้ตอบ เว็บไซต์อื่น ๆ ที่คุณเข้าดู (เช่น ผ่านปุ่ม “ลิงก์”) ให้พิจารณาบล็อกคุกกี้ของบุคคลที่สามและใช้ โปรแกรมส่วนขยายเพื่อบล็อกการติดตามข้อมูลสำหรับเบราว์เซอร์ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลอื่น ๆ ไม่ได้ถูกส่งต่อไปยังบุคคลที่สามโดยไม่ได้มีการป้องกัน

การเปลี่ยนการตั้งค่าความเป็นส่วนตัว anchor link

โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้เปลี่ยนการตั้งค่าที่ตั้งมาเป็นค่าเริ่มต้น ตัวอย่างเช่น คุณต้องการแชร์โพสต์กับทุกคน หรือว่าต้องการแชร์เฉพาะกับบุคคลหรือกลุ่มใดโดยเฉพาะเท่านั้น คุณต้องการให้บุคคลอื่นสามารถค้นหาข้อมูลของคุณโดยใช้ที่อยู่อีเมลหรือหมายเลขโทรศัพท์ของคุณได้หรือไม่ คุณต้องการแชร์ตำแหน่งที่ตั้งของตัวเองโดยอัตโนมัติหรือไม่

ถึงแม้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทุกประเภทจะมีการตั้งค่าเฉพาะของตัวเอง แต่สามารถพบรูปแบบบางอย่างที่เหมือนกัน

  • การตั้งค่าความเป็นส่วนตัวมักจะตอบคำถามต่อไปนี้ “ใครสามารถดูข้อมูลอะไรได้บ้าง” ในส่วนนี้ คุณจะพบการตั้งค่าที่เกี่ยวกับค่าเริ่มต้นของบุคคลที่สามารถดูข้อมูล (“ทุกคน” “เพื่อนของเพื่อน” “เพื่อนเท่านั้น” เป็นต้น) ตำแหน่งที่ตั้ง รูปภาพ ข้อมูลติดต่อ การแท็ก และวิธีการที่บุคคลอื่น ๆ สามารถค้นหาโปรไฟล์ของคุณโดยใช้เครื่องมือค้นหาได้หรือไม่
  • การตั้งค่าการรักษาความปลอดภัย (บางครั้งเรียกว่า “ความปลอดภัย”) อาจเป็นวิธีที่เกี่ยวข้องกับการบล็อก/การปิดกั้นบัญชีอื่น และวิธีการในกรณีที่คุณต้องการได้รับการแจ้งเตือนหากมีการพยายามเข้าใช้งานบัญชีของคุณโดยไม่ได้รับอนุญาต บางกรณีในส่วนนี้ คุณจะพบการตั้งค่าการล็อกอิน เช่น การยืนยันตัวตนแบบสองระดับ และอีเมล/หมายเลขโทรศัพท์สำรอง บางที การตั้งค่าการล็อกอินเหล่านี้จะอยู่ในส่วนการตั้งค่าบัญชีหรือการตั้งค่าการล็อกอิน รวมทั้งตัวเลือกในการเปลี่ยนรหัสผ่าน

ใช้ประโยชน์จาก “การตรวจสอบ” การรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว Facebook, Google และผู้ให้บริการเว็บไซต์รายใหญ่อื่น ๆ มีคุณสมบัติ “security check-up” (การตรวจสอบการรักษาความปลอดภัย) ให้ใช้งานได้ คู่มือในลักษณะการฝึกสอนเหล่านี้จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวและการรักษาความปลอดภัยโดยใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายและเป็นคุณสมบัติที่ใช้งานได้ดีเยี่ยมสำหรับผู้ใช้

ท้ายสุดโปรดจำว่าการตั้งค่าการรักษาความปลอดภัยสามารถเปลี่ยนแปลงได้ บางครั้งการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวเหล่านี้มีความแน่นหนาเพิ่มขึ้นและมีรายละเอียดมากขึ้น โดยกรณีดังกล่าวอาจไม่ได้เกิดขึ้นเสมอไป ให้ใส่ใจต่อการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่าข้อมูลใดบ้างที่จะถูกแชร์ ซึ่งก่อนหน้านี้สามารถเก็บข้อมูลดังกล่าวไว้เป็นความลับได้ หรือว่ามีการตั้งค่าอื่น ๆ เพิ่มเติมที่สามารถใช้ควบคุมความเป็นส่วนตัวได้มากขึ้นหรือไม่

เก็บโปรไฟล์แยกไว้ต่างหาก anchor link

สำหรับหลาย ๆ คน การเก็บข้อมูลระบุตัวตนของบัญชีต่าง ๆ แยกกันเป็นสิ่งสำคัญ วิธีนี้สามารถใช้ได้กับเว็บไซต์หาคู่ โปรไฟล์ด้านอาชีพการงาน บัญชีที่ไม่ระบุชื่อ และบัญชีที่เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มต่าง ๆ

หมายเลขโทรศัพท์และรูปภาพเป็นข้อมูลสองประเภทที่ต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งรูปภาพ สามารถเชื่อมโยงกับบัญชีที่คุณต้องการเก็บไว้ใช้งานแยกต่างหาก นี่คือปัญหาที่พบได้บ่อยครั้งกับเว็บไซต์หาคู่และโปรไฟล์ด้านอาชีพการงาน หากคุณไม่ต้องการเปิดเผยชื่อหรือต้องการเก็บข้อมูลระบุตัวตนของบางบัญชีไว้แยกต่างหากจากบัญชีอื่น ๆ ให้ใช้ภาพถ่ายหรือรูปภาพที่คุณไม่ได้ใช้ในที่อื่น ๆ ออนไลน์ หากต้องการตรวจสอบ สามารถใช้ฟังก์ชันการค้นหาภาพย้อนกลับของ Google ตัวแปรข้อมูลเชื่อมโยงอื่น ๆ ที่อาจต้องระวังคือชื่อ (แม้แต่ชื่อเล่น) และอีเมลของคุณ หากพบว่าข้อมูลประเภทใดประเภทหนึ่งเหล่านี้ไปอยู่ในที่ที่ไม่ควรจะอยู่ อย่ากลัวหรือตื่นตกใจ แต่ให้ค่อย ๆ คิดทีละขั้น โดยแทนที่จะพยายามลบข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับตัวคุณออกจากอินเทอร์เน็ต ให้เจาะจงไปที่บางข้อมูลโดยเฉพาะ เช่น ข้อมูลดังกล่าวอยู่ที่ไหน และสิ่งที่คุณสามารถทำได้เกี่ยวกับข้อมูลดังกล่าว

การทำความคุ้นเคยกับการตั้งค่ากลุ่มของ Facebook anchor link

กลุ่มของ Facebook เป็นแหล่งที่ใช้ในการดำเนินการ ให้การสนับสนุน และทำกิจกรรมทางสังคมที่อาจมีความละเอียดอ่อนเพิ่มมากขึ้น และการตั้งค่ากลุ่มยังดูน่าสับสนอีกด้วย เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการตั้งค่ากลุ่ม แล้วดูว่าผู้เข้าร่วมสนใจที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการตั้งค่ากลุ่ม แล้วร่วมมือกับคนอื่น ๆ เพื่อทำให้กลุ่มของ Facebook มีความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยหรือไม่

การรักษาความเป็นส่วนตัวคือการทำงานร่วมกันเป็นทีม anchor link

อย่าคิดเพียงเปลี่ยนการตั้งค่าโซเชียลมีเดียและพฤติกรรมของคุณเพียงอย่างเดียว ใช้การพูดคุยกับเพื่อน ๆ เกี่ยวกับข้อมูลที่อาจมีความละเอียดอ่อนของอีกฝ่าย ที่คุณต่างคนต่างเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวออนไลน์ แม้ในกรณีที่คุณไม่ได้มีบัญชีโซเชียลมีเดีย หรือแม้ว่าคุณจะลบแท็กของตัวเองออกจากโพสต์แล้ว แต่เพื่อน ๆ ยังคงสามารถระบุตัวตนของคุณ หรือระบุตำแหน่งที่ตั้งของคุณ และสามารถเชื่อมโยงกับคุณอย่างเปิดเผยได้แบบไม่ตั้งใจ การปกป้องความเป็นส่วนตัวไม่ได้หมายถึงการดูแลตัวเองเพียงอย่างเดียว แต่ยังหมายถึงการดูแลกันและกันด้วย