Skip to main content
Surveillance
Self-Defense

วิธีการ: หลบเลี่ยงการเซ็นเซอร์เนื้อหาทางออนไลน์

อัปเดตครั้งล่าสุด: August 09, 2017

This page was translated from English. The English version may be more up-to-date.

แนวทางนี้ให้ภาพรวมสั้นๆ เกี่ยวกับวิธีการหลบเลี่ยงการเซ็นเซอร์เนื้อหาทางออนไลน์ และไม่ได้ให้ข้อมูลที่ครอบคลุมใด

รัฐบาล บริษัท โรงเรียน และจุดเข้าใช้งานสาธารณะมากมาย ใช้ซอฟต์แวร์เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตสามารถเข้าถึงเว็บไซต์และบริการอินเทอร์เน็ตที่กำหนด เราเรียกการกระทำดังกล่าวนี้ว่า การกรองหรือการปิดกั้นเนื้อหาบนอินเทอร์เน็ต และเป็นการเซ็นเซอร์รูปแบบหนึ่ง การกรองเนื้อหาสามารถทำได้หลายวิธี บางครั้งทั้งเว็บไซต์ก็ถูกปิดกั้น บางครั้งก็เฉพาะบางเว็บเพจ และบางครั้งเนื้อหาก็ถูกปิดกั้น อันเนื่องจากคำสำคัญที่อยู่ในเนื้อหานั้น

มีหลายวิธีด้วยกันในการเอาชนะการเซ็นเซอร์ บางวิธีจะปกป้องคุณจากการสอดแนม เมื่อใครก็ตามทำการควบคุมตัวกรองการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหรือบล็อคการเข้าเว็บไซต์ คุณสามารถใช้เครื่องมือหลีกเลี่ยงเพื่อให้ได้รับข้อมูลที่ต้องการ โปรดทราบ: เครื่องมือหลีกเลี่ยงที่รับประกันความเป็นส่วนตัวและการรักษาความปลอดภัยมักไม่มีความเป็นส่วนตัวและไม่มีความปลอดภัย และเครื่องมือที่ใช้คำว่า “anonymizer” (ตัวไม่ระบุชื่อ) มักไม่ได้เก็บข้อมูลการระบุตัวตนของคุณเป็นความลับอย่างสมบูรณ์

จะตัดสินว่าเครื่องมือหลีกเลี่ยงใดที่ดีที่สุดนั้นขึ้นอยู่กับรูปแบบภัยคุกคาม สามารถเริ่มต้นได้ที่นี่ หากไม่ทราบว่ารูปแบบภัยคุกคามคืออะไร

ในบทความนี้ เราจะพูดถึงสี่วิธีในการหลีกเลี่ยงการเซ็นเซอร์:

  • การเข้าเว็บพร็อกซี่เพื่อเข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกบล็อก
  • การเข้าเว็บพร็อกซี่ที่มีการเข้ารหัสเพื่อเข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกบล็อก
  • การใช้เครือข่ายเสมือนส่วนตัว (Virtual Private Network หรือ VPN) เพื่อเข้าถึงเว็บไซต์หรือบริการที่ถูกบล็อก
  • การใช้เบราว์เซอร์ของ Tor เพื่อเข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกบล็อกหรือปกป้องข้อมูลส่วนตัวของคุณ

เทคนิคพื้นฐาน anchor link

เครื่องมือหลีกเลี่ยงมักทำงานโดยเบี่ยงเบนการเข้าเว็บหรือการนำส่งข้อมูลผ่านคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น เพื่อเลี่ยงกลไกที่ทำการเซ็นเซอร์ข้อมูล บริการที่เป็นสื่อกลางที่คุณใช้ในการสื่อสารในกระบวนการนี้เรียกว่าพร็อกซี่

HTTPS คือเวอร์ชันที่ปลอดภัยของโพรโทคอล HTTP ที่ใช้เพื่อเข้าถึงเว็บไซต์ บางครั้ง การเซ็นเซอร์จะปิดกั้นเฉพาะเวอร์ชันของไซต์ที่ไม่ปลอดภัยเท่านั้น คุณจึงสามารถเข้าถึงไซค์นั้นได้ เพียงแค่ป้อนเวอร์ชันของโดเมนที่ขึ้นต้นด้วย HTTPS

วิธีนี้จะมีประโยชน์อย่างยิ่ง ถ้าการกรองนั้นยึดตามคำสำคัญ หรือปิดกั้นเฉพาะบางเว็บเพจเท่านั้น HTTPS หยุดการเซ็นเซอร์จากการอ่านกิจกรรมการใช้งานบนเว็บ ดังนั้น การเซ็นเซอร์จึงไม่สามารถบอกได้ว่าคำสำคัญใดกำลังถูกส่ง หรือคุณกำลังเยี่ยมชมเว็บเพจใด.

ผู้เซ็นเซอร์จะยังคงเห็นชื่อโดเมนของเว็บไซต์ทั้งหมดที่คุณเข้าใช้งาน ตัวอย่างเช่น หากคุณเข้าไปที่เว็บไซต์ “eff.org/https-everywhere” ผู้เซ็นเซอร์จะสามารถเห็นข้อมูลว่าคุณใช้งาน “eff.org” แต่จะไม่เห็นข้อมูลว่าคุณใช้งานเพจ “https-everywhere”

ถ้าคุณสงสัยว่าน่าจะเป็นการปิดกั้นในลักษณะนี้ ให้ลองป้อน https:// นำหน้าโดเมนแทนที่ http://

ลองใช้ปลั๊กอิน HTTPS Everywhere ของ EFF เพื่อเปิดใช้ HTTPS โดยอัตโนมัติสำหรับไซต์ที่รองรับ

อีกวิธีหนึ่งที่คุณอาจใช้ได้ เพื่อหลบเลี่ยงเทคนิคการเซ็นเซอร์พื้นฐาน ก็คือการลองใช้ชื่อโดเมน หรือ URL สำรอง ตัวอย่างเช่น แทนที่คุณจะเข้าเว็บไซต์ http://twitter.com คุณอาจเข้าเว็บไซต์ http://m.twitter.com ซึ่งเป้นเวอร์ชันสำหรับมือถือของไซต์นี้แทน โดยปกติ การเซ็นเซอร์ที่ปิดกั้นเว็บไซต์หรือเว็บเพจมักทำงานจากบัญชีดำของเว็บไซต์ที่ถูกห้ามใช้ ดังนั้น อะไรก็ตามที่ไม่ได้อยู่ในบัญชีดำนั้นก็จะผ่านตลอด การเซ็นเซอร์อาจไม่ได้รู้จักถึงความหลากหลายทั้งหมดของชื่อโดเมนของเว็บไซต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าไซต์ที่ปิดกั้นนั้นจดทะเบียนไว้มากกว่าหนึ่งชื่อ

พร็อกซีบนเว็บ anchor link

พร็อกซีบนเว็บ (เช่น http://proxy.org/) เป็นวิธีการง่ายๆ ในการหลบเลี่ยงการเซ็นเซอร์ ในการใช้พร็อกซีบนเว็บ ที่คุณต้องทำทั้งหมดก็คือ ป้อนที่อยู่ที่กรองไว้ ซึ่งคุณต้องการจะใช้ จากนั้น พร็อกซีจะแสดงเนื้อหาที่คุณร้องขอ

การใช้พร็อกซีบนเว็บเป็นวิธีที่ดีในการเข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกปิดกั้้นไว้ได้อย่างรวดเร็ว แต่โดยส่วนใหญ่ไม่ได้ให้ความปลอดภัย และจะเป็นตัวเลือกที่ไม่ดีหากโมเดลภัยคุกคามของคุณมีผู้ไม่หวังดีที่คอยตรวจสอบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณอยู่ด้วย นอกจากนี้ พร็อกซีบนเว็บจะไม่ช่วยให้คุณใช้งานบริการที่ไม่ได้อยู่บนเว็บเพจที่ถูกปิดกั้้นไว้ อย่างเช่น โปรแกรมข้อความโต้ตอบแบบทันทีของคุณ ท้ายที่สุด การใช้พร็อกซีบนเว็บก็อาจมีความเสี่ยงต่อความเป็นส่วนตัวสำหรับผู้ใช้หลายๆ ราย ขึ้นอยู่กับโมเดลภัยคุกคามของพวกเขา เนื่องจากพร็อกซีจะมีรายการบันทึกของทุกๆ สิ่งที่คุณทำออนไลน์

พร็อกซีที่เข้ารหัสไว้ anchor link

เครื่องมือพร็อกซี่จำนวนมากใช้การเข้ารหัสเพื่อเพิ่มการรักษาความปลอดภัยขึ้นไปอีก นอกเหนือไปจากความสามารถในการหลีกเลี่ยงการกรองข้อมูลแล้ว การเชื่อมต่อจะถูกเข้ารหัส เพื่อไม่ให้บุคคลอื่นเห็นว่าคุณเข้าใช้เว็บใด ขณะที่โดยทั่วไปพร็อกซี่ที่มีการเข้ารหัสจะมีความปลอดภัยมากกว่าพร็อกซี่ผ่านเว็บแบบธรรมดา แต่ผู้ให้บริการเครื่องมือดังกล่าวสามารถได้รับข้อมูลส่วนตัวเกี่ยวกับคุณ ตัวอย่างเช่น พวกเขาอาจมีข้อมูลเกี่ยวกับชื่อและที่อยู่อีเมลของคุณเก็บไว้ในระบบ นั่นหมายความว่า เครื่องมือดังกล่าวไม่ได้มีคุณสมบัติในการปิดบังตัวตนอย่างสมบูรณ์

รูปแบบที่เรียบง่ายที่สุดของเว็บพร็อกซีที่เข้ารหัสไว้ ก็คือรูปแบบที่ขึ้นต้นด้วย 'https' โดยปกติ รูปแบบนี้จะใช้การเข้ารหัสซึ่งเว็บไซต์ที่ปลอดภัยจัดให้ แต่พึงระวังด้วยว่า ในกระบวนการนี้ เจ้าของพร็อกซีเหล่านี้จะสามารถมองเห็นข้อมูลที่คุณส่งไปและกลับจากเว็บไซต์ที่ปลอดภัยอื่นๆ ตัวอย่างของเครื่องมือเหล่านี้ ได้แก่ Ultrasurf และ Psiphon

เครือข่ายส่วนตัวเสมือน anchor link

เครือข่ายส่วนตัวเสมือน (VPN) เข้ารหัสและส่งข้อมูลอินเทอร์เน็ตทั้งหมดระหว่างคอมพิวเตอร์ของคุณและคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น คอมพิวเตอร์ดังกล่าวนี้อาจเป็นของบริการ VPN ทางการค้า หรือของบริการ VPN ที่ไม่หวังผลกำไร ของบริษัทของคุณ หรือของผู้ติดต่อที่เชื่อถือได้ก็ได้ เมื่อคุณกำหนดค่าบริการ VPN อย่างถูกต้องแล้ว คุณสามารถใช้บริการนี้เพื่อเข้าถึง เว็บเพจ อีเมล ข้อความโต้ตอบแบบทันที VoIP และบริการอื่นๆ บนอินเทอร์เน็ต VPN ป้องกันกิจกรรมการใช้งานของคุณจากการดักจับข้อมูลภายในเครื่อง แต่ผู้ให้บริการ VPN ของคุณก็สามารถเก็บรายการบันทึกของกิจกรรมการใช้งานของคุณ (เว็บไซต์ที่คุณเข้าถึง และเวลาที่คุณเข้าถึงเว็บไซต์ดังกล่าว) หรือแม้แต่ทำให้บุคคลภายนอกเข้ามาสอดแนมการท่องเว็บของคุณได้โดยตรง ขึ้นอยู่กับโมเดลภัยคุกคามของคุณ โอกาสที่รัฐบาลจะดังฟังการเชื่อมต่อ VPN ของคุณ หรือรับรายการบันทึก อาจเป็นความเสี่ยงที่สำคัญ และสำหรับบางคนอาจมีความสำคัญมากกว่าประโยชน์ในระยะสั้นของการใช้ VPN

Tor anchor link

Tor เป็นซอฟต์แวร์แบบโอเพ่นซอร์ส ที่ออกแบบมาเพื่อให้มีการปิดบังตัวตนของคุณบนเว็บ เบราว์เซอร์ของ Tor เป็นเว็บเบราว์เซอร์ที่สร้างขึ้นในเครือข่ายไม่ระบุตัวตนของ Tor ด้วยวิธีการที่ Tor กำหนดเส้นทางการส่งข้อมูลการเรียกดูเว็บทำให้คุณสามารถหลบเลี่ยงการเซ็นเซอร์ได้ด้วย (ดูที่ "วิธีการทำงาน": ใช้คู่มือการใช้งาน Tor สำหรับ Linux, macOS และ Windows

เมื่อเริ่มต้นใช้เบราว์เซอร์ของ Tor ครั้งแรก คุณสามารถเลือกตัวเลือกเพื่อระบุว่าคุณใช้งานเครือข่ายที่มีการเซ็นเซอร์:

Tor ไม่เพียงเลี่ยงการเซ็นเซอร์ในประเทศเกือบทั้งหมด แต่หากมีการกำหนดค่าอย่างถูกต้อง จะสามารถปกป้องข้อมูลส่วนตัวของคุณจากผู้ไม่หวังดี ที่คอยสอดแนมเครือข่ายในประเทศของคุณ แต่อาจมีความล่าช้าและยากต่อการใช้งาน

หากต้องการเรียนรู้วิธีการใช้ Tor ในเครื่องเดสก์ท็อป คลิกที่นี่ (สำหรับ Linux) คลิกที่นี่ (สำหรับ macOS) หรือคลิกที่นี่ (สำหรับWindows) แต่โปรดตรวจให้แน่ใจว่าได้คลิกที่ “Configure (กำหนดค่า)” ไม่ใช่ “Connect (เชื่อมต่อ)” ในหน้าต่างที่แสดงด้านบน