Skip to main content
Surveillance
Self-Defense

วิธีใช้: ใช้ Signal บน Android

อัปเดตครั้งล่าสุด: May 09, 2018

This page was translated from English. The English version may be more up-to-date.

Signal เป็นแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ที่ไม่มีค่าใช้จ่ายและเป็นแอปพลิเคชันแบบโอเพ่นซอร์สสำหรับ Android, iOS และเดสก์ท็อป ซึ่งใช้การเข้ารหัสแบบต้นทางถึงปลายทาง ช่วยให้ผู้ใช้สามารถส่งข้อความตัวหนังสือ รูปภาพ และวิดีโอแบบกลุ่ม และมีการเข้ารหัสบทสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างผู้ใช้ Signal ถึงแม้ว่า Signal จะใช้หมายเลขโทรศัพท์ในการติดต่อ แต่จริง ๆ แล้วการโทรและข้อความต่าง ๆ จะใช้การเชื่อมต่อข้อมูลอินเทอร์เน็ต ดังนั้นผู้สนทนาทั้งสองฝ่ายต้องสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้บนอุปกรณ์มือถือของตน ด้วยเหตุผลนี้ประเภทการสนทนาเหล่านี้จึงไม่มีค่าใช้จ่ายในการส่งข้อความ SMS และ MMS เกิดขึ้นกับผู้ใช้ Signal ใน Android สามารถใช้ Signal แทนแอปพลิเคชันสำหรับส่งข้อความตามค่าเริ่มต้น ดังนั้นเป็นไปได้ที่จะสามารถส่งข้อความ SMS ที่มีการเข้ารหัสได้จากภายใน Signal  สำหรับข้อความ SMS ที่ไม่ได้มีการเข้ารหัสจะส่งผ่านแผนให้บริการมือถือและอาจมีค่าธรรมเนียมเกิดขึ้นตามที่กำหนดไว้ในแผนให้บริการที่คุณใช้งาน

ตำแหน่งการดาวน์โหลด: สามารถดาวน์โหลดแอปนี้ได้จากร้านค้าของ Google Play

ความต้องการของระบบ: Android เวอร์ชัน 4.0 ขึ้นไป

เวอร์ชันที่ใช้ในคู่มือนี้: Signal 4.18.3

ใบอนุญาต: GPLv3

ข้อมูลสำหรับอ่านเพิ่มเติม:

ระดับ: เบื้องต้น-ระดับกลาง

เวลาที่ใช้: 15-20 นาที

การติดตั้ง Signal ในโทรศัพท์ Android anchor link

ขั้นที่ 1: การดาวน์โหลดและติดตั้ง Signal anchor link

ป้อนคำว่า Google Play store ในอุปกรณ์ Android ที่ใช้งาน แล้วค้นหา “Signal" ค้นหา Signal Private Messenger แล้วแตะที่ "Install" (ติดตั้ง)

หลังดาวน์โหลด Signal เสร็จแล้ว ให้แตะที่ "Open" (เปิด) เพื่อเปิดใช้งานแอป

ขั้นที่ 2: การลงทะเบียนและยืนยันหมายเลขโทรศัพท์ anchor link

เมื่อเปิดแอปขึ้น Signal อาจขอสิทธิ์เพื่อเข้าถึงรายชื่อติดต่อและไฟล์มีเดีย

สามารถคลิกที่ "continue" (ดำเนินการต่อ) แล้ว Signal จะแนะนำแต่ละขั้นตอนของการให้สิทธิ์เหล่านี้ หากปฏิเสธที่จะให้สิทธิ์ Signal อาจร้องขอสิทธิ์ดังกล่าวในภายหลัง

ตอนนี้หน้าจอต่อไปนี้จะแสดงขึ้น ให้ป้อนหมายเลขโทรศัพท์มือถือของคุณ แล้วแตะที่ "Register" (ลงทะเบียน)

ตอนนี้จะมีคำแนะนำให้คุณอนุญาตให้ Signal ดูข้อความ SMS ได้ วิธีนี้จะทำให้ Signal สามารถยืนยันหมายเลขโทรศัพท์มือถือได้ง่ายขึ้น สามารถปฏิเสธที่จะให้สิทธิ์นี้ได้โดยแตะที่ "Continue" (ดำเนินการต่อ) แล้วแตะที่ "Deny" (ปฏิเสธ) หรือให้สิทธิ์โดยแตะที่ "Continue" (ดำเนินการต่อ) แล้วแตะที่ "Allow” (อนุญาต) หากปฏิเสธที่จะให้สิทธิ์นี้ คุณสามารถตั้งค่าเองโดยป้อนรหัสหกหลักที่คุณจะได้รับผ่านข้อความ SMS

หลังป้อนหรือให้อนุญาต Signal อ่านรหัส SMS แล้ว ถือว่าขั้นตอนการลงทะเบียนเสร็จสมบูรณ์

ขั้นที่ 3: การเลือกชื่อโปรไฟล์และภาพโปรไฟล์ anchor link

บุคคลติดต่อที่คุณบันทึกไว้ในรายชื่อติดต่อจะเห็นภาพโปรไฟล์และชื่อโปรไฟล์ที่คุณเลือกใช้เมื่อเริ่มต้นการสนทนาและเมื่อคุณอนุญาตให้บุคคลติดต่อหรือกลุ่มต่าง ๆ เห็นข้อมูลนี้โดยตรง ป้อนข้อมูลที่เกี่ยวข้องในขั้นตอนนี้แล้วแตะที่ "Finish" (เสร็จ) หรือข้ามขั้นตอนนี้โดยแตะที่ "Set later" (ตั้งค่าภายหลัง) ที่ด้านล่าง

ขั้นที่ 4: การตั้งค่าให้ Signal เป็นแอป SMS ตามค่าเริ่มต้น anchor link

หลังทำขั้นตอนนี้เสร็จสมบูรณ์ คุณจะเห็นหน้าจอต่อไปนี้

การแตะที่ "Use as default SMS app" (ใช้เป็นแอป SMS ตามค่าเริ่มต้น) จะทำให้แอป Signal สามารถจัดการได้ทั้ง Signal และข้อความ SMS ด้วย  วิธีนี้มีประโยชน์ในกรณีที่คุณต้องการเก็บข้อความทั้งหมดไว้ในที่เดียว

โปรดทราบว่าถ้าตัดสินใจใช้ Signal เป็นแอป SMS ตามค่าเริ่มต้น ข้อความที่ส่งถึงบุคคลที่ไม่ได้มี Signal ติดตั้งอยู่ (ถึงแม้จะส่งข้อความถึงบุคคลดังกล่าวจากภายในแอป Signal ก็ตาม) จะไม่ถูกเข้ารหัส

การใช้ Signal anchor link

เพื่อให้สามารถใช้ Signal ได้ บุคคลที่คุณติดต่อต้องติดตั้ง Signal ด้วย หากพยายามส่งข้อความถึงใครก็ตามโดยใช้แอป Signal แล้วบุคคลดังกล่าวไม่มี Signal ติดตั้งอยู่ ข้อความที่ส่งจะกลายเป็นข้อความตัวอักษรมาตรฐานที่ไม่ได้มีการเข้ารหัส หากพยายามโทรติดต่อบุคคลดังกล่าว การโทรจะเป็นการโทรแบบมาตรฐาน

Signal จะแสดงรายชื่อของผู้ใช้ Signal คนอื่น ๆ ในรายชื่อติดต่อของคุณ ในการดำเนินการดังกล่าว ข้อมูลที่แสดงหมายเลขโทรศัพท์ในรายชื่อติดต่อจะถูกอัปโหลดไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Signal ถึงแม้ข้อมูลนี้จะถูกลบออกเกือบทันทีก็ตาม

วิธีส่งข้อความที่มีการเข้ารหัส anchor link

โปรดทราบว่า Open Whisper Systems ซึ่งเป็นผู้สร้าง Signal ใช้โครงสร้างพื้นฐานของบริษัทอื่นในการส่งข้อความแจ้งเตือนสำหรับผู้ใช้เมื่อได้รับข้อความใหม่ โดยใช้ Google ในอุปกรณ์ Android และ Apple ใน iPhone ซึ่งหมายความว่าข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่ได้รับข้อความและข้อมูลเกี่ยวกับเวลาที่ผู้รับได้รับข้อความดังกล่าวอาจรั่วไหลไปยังบริษัทเหล่านี้

ในการเริ่มต้น ให้แตะที่ไอคอนรูปดินสอที่มุมขวาล่างของหน้าจอ

คุณจะเห็นรายชื่อของผู้ใช้ Signal ที่ลงทะเบียนแล้วในรายชื่อติดต่อ

นอกจากนี้ยังสามารถป้อนหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ใช้ Signal ที่ไม่ได้มีข้อมูลอยู่ในรายชื่อติดต่อได้ด้วย เมื่อเลือกบุคคลที่จะติดต่อ หน้าจอสำหรับส่งข้อความตัวอักษรสำหรับบุคคลดังกล่าวจะแสดงขึ้น โปรดทราบว่าสำหรับผู้ใช้ Signal คุณจะเห็นข้อความ "Signal Message" (ข้อความ Signal) ซึ่งหมายถึงว่าจะมีการเข้ารหัสข้อความที่ส่ง ในหน้าจอนี้ ไอคอน "โทรศัพท์" ที่อยู่มุมขวาบนของหน้าจอจะระบุว่าคุณสามารถโทรติดต่อด้วยเสียงแบบเข้ารหัสโดยใช้ Signal ได้ด้วย จากหน้าจอนี้ คุณสามารถส่งข้อความ รูปภาพ ข้อความเสียง วิดีโอ และไฟล์ต่าง ๆ แบบเข้ารหัสจากต้นทางถึงปลายทาง

สำหรับผู้ใช้ที่ไม่ได้ติดตั้ง Signal จะมีข้อความที่ระบุว่า "Unsecured SMS” (SMS ไม่ได้มีการรักษาความปลอดภัย) ซึ่งจะไม่ส่งข้อความที่มีการเข้ารหัส ในหน้าจอนี้ ไอคอน "โทรศัพท์" ที่มุมขวาบนของหน้าจอจะทำการโทรติดต่อแบบปกติที่ไม่มีการเข้ารหัส

วิธีเริ่มต้นการโทรติดต่อแบบเข้ารหัส anchor link

ในการเริ่มต้นการโทรติดต่อแบบเข้ารหัส ให้เลือกรายชื่อบุคคลที่ต้องการติดต่อแล้วแตะที่ไอคอนโทรศัพท์ จะสามารถทราบได้ว่าบุคคลที่ติดต่อสามารถรับสายที่โทรโดยใช้ Signal ได้หรือไม่โดยดูที่ตัวล็อกที่อยู่ถัดจากไอคอนโทรศัพท์

เมื่อโทรติดแล้ว การโทรดังกล่าวจะถูกเข้ารหัส

วิธีเริ่มต้นการโทรผ่านวิดีโอที่มีการเข้ารหัส anchor link

ในการโทรผ่านวิดีโอโดยให้มีการเข้ารหัส เพียงโทรหาบุคคลที่ต้องการติดต่อตามวิธีที่อธิบายไว้ข้างต้น คุณอาจต้องอนุญาตให้ Signal เข้าถึงวิดีโอจากกล้องและไมโครโฟน

ถัดไปให้แตะที่ไอคอนกล้องวิดีโอ

วิธีการดังกล่าวจะแชร์วิดีโอของคุณกับเพื่อน (เพื่อนของคุณอาจต้องทำขั้นตอนนี้ด้วยเช่นกัน)

วิธีเริ่มต้นการสนทนากลุ่มแบบเข้ารหัส anchor link

คุณสามารถส่งข้อความกลุ่มแบบเข้ารหัสได้โดยแตะที่ไอคอนสร้างข้อความที่มุมขวาล่างของหน้าจอ จากนั้นแตะที่ไอคอนโอเวอร์โฟลว์ (จุดสามจุดที่อยู่มุมขวาบนของหน้าจอ) แล้วเลือก "New group" (กลุ่มใหม่)

 

ในหน้าจอต่อไปนี้ คุณจะสามารถตั้งชื่อกลุ่มและเพิ่มผู้เข้าร่วมไปยังกลุ่มดังกล่าวได้

หลังเพิ่มผู้เข้าร่วมแล้ว สามารถแตะที่เครื่องหมายถูกที่มุมขวาบนของหน้าจอ การดำเนินการดังกล่าวจะเริ่มต้นการแชทแบบกลุ่ม

หากต้องการเปลี่ยนชื่อกลุ่ม ไอคอน หรือเพิ่มผู้เข้าร่วม สามารถทำได้จากหน้าจอการแชทแบบกลุ่ม โดยแตะที่ไอคอนโอเวอร์โฟลว์ (จุดสามจุดที่อยู่ที่มุมขวาบนของหน้าจอ) แล้วเลือก "Edit group" (แก้ไขกลุ่ม)

การปิดเสียงการสนทนา anchor link

บางครั้งการสนทนาอาจทำให้เสียสมาธิได้ คุณสมบัติหนึ่งที่มีประโยชน์โดยเฉพาะสำหรับการสนทนาแบบกลุ่มคือ การปิดเสียงการแจ้งเตือน เพื่อให้คุณไม่ต้องได้รับการแจ้งเตือนทุกครั้งที่มีข้อความใหม่ส่งเข้ามา สามารถตั้งค่านี้ได้จากหน้าจอการสนทนาแบบกลุ่ม โดยแตะที่ไอคอนโอเวอร์โฟลว์ (จุดสามจุดที่มุมขวาบนของหน้าจอ) แล้วเลือก “Mute notifications” (ปิดเสียงการแจ้งเตือน) จากนั้นสามารถเลือกได้ว่าต้องการปิดเสียงไว้นานแค่ไหน วิธีนี้สามารถใช้กับการสนทนาส่วนบุคคลได้ด้วย หากต้องการ

วิธียืนยันรายชื่อติดต่อ anchor link

ถึงจุดนี้ คุณสามารถยืนยันตัวตนที่แท้จริงของบุคคลที่คุณสนทนาด้วยได้ เพื่อให้แน่ใจว่าคีย์การเข้ารหัสของพวกเขาไม่ได้ถูกรบกวนหรือแทนที่ด้วยคีย์ของบุคคลอื่นเมื่อแอปพลิเคชันดาวน์โหลดคีย์ดังกล่าว (ขั้นตอนที่เรียกว่า การยืนยันคีย์) การยืนยันเป็นขั้นตอนที่เกิดขึ้นเมื่อคุณอยู่กับบุคคลที่คุณสนทนาด้วยในลักษณะที่สัมผัสได้ทางกายภาพ

ขั้นแรก เปิดหน้าจอที่คุณสามารถส่งข้อความให้บุคคลที่ต้องการติดต่อ ตามที่อธิบายไว้ข้างต้น จากหน้าจอนี้ ให้แตะที่ไอคอนโอเวอร์โฟลว์ (จุดสามจุดที่มุมขวาบนของหน้าจอ) แล้วเลือก "Conversation settings" (การตั้งค่าการสนทนา)

จากหน้าจอต่อไปนี้ ให้แตะที่ "View safety number" (ดูหมายเลขความปลอดภัย)

ตอนนี้จะมีหน้าจอที่แสดงรหัส QR และ ‘หมายเลขความปลอดภัย’ ปรากฏขึ้นให้คุณเห็น รหัสนี้สำหรับบุคคลติดต่อแต่ละคนที่คุณสนทนาด้วยจะเป็นรหัสที่ไม่ซ้ำกัน ให้ผู้ติดต่อของคุณเข้าไปที่หน้าจอการสนทนาของตนด้วยกันกับคุณ เพื่อให้พวกเขามีรหัส QR ที่แสดงอยู่ในหน้าจอของตัวเองด้วยเช่นกัน

กลับมาที่อุปกรณ์ของคุณ คุณสามารถแตะที่รหัส QR ซึ่งจะมีการใช้กล้องเพื่อสแกนรหัส QR ที่แสดงอยู่ในหน้าจอของบุคคลที่คุณติดต่อ วางกล้องของคุณไปที่รหัส QR:

กล้องของคุณจะสแกนแถบรหัสและแสดงเครื่องหมายถูกในแบบเดียวกันนี้:

ซึ่งหมายความว่าคุณได้ยืนยันผู้ติดต่อของคุณเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้คุณควรแตะที่แถบเลื่อนที่อยู่ถัดจาก "Verified" (ยืนยันแล้ว) เพื่อให้แอปจดจำข้อมูลว่าบุคคลติดต่อดังกล่าวได้รับการยืนยันแล้ว แต่ถ้าหน้าจอมีลักษณะแบบนี้ หมายความว่ามีบางอย่างผิดพลาด:

คุณอาจต้องหลีกเลี่ยงการพูดคุยเกี่ยวกับหัวข้อที่เสี่ยงต่อความปลอดภัย จนกว่าจะมีการยืนยันคีย์กับบุคคลดังกล่าวแล้ว

หมายเหตุสำหรับผู้ใช้ที่มีประสบการณ์: หน้าจอที่แสดงรหัส QR ยังมีไอคอนสำหรับแชร์หมายเลขความปลอดภัยซึ่งอยู่ที่มุมขวาบนของหน้าจอ การยืนยันแบบตัวต่อตัวเป็นวิธีที่แนะนำให้ใช้ แต่ทั้งนี้คุณอาจได้ตรวจสอบยืนยันผู้ติดต่อของคุณแล้วโดยใช้แอปพลิเคชันที่ปลอดภัยแบบอื่น เมื่อยืนยันผู้ติดต่อแล้ว คุณสามารถใช้ความน่าเชื่อถือที่สร้างขึ้นในแอปพลิเคชันดังกล่าวได้อย่างปลอดภัยเพื่อยืนยันหมายเลขภายใน Signal โดยไม่จำเป็นต้องอยู่กับผู้ติดต่อของคุณในลักษณะที่จับต้องได้ทางกายภาพ ในกรณีนี้ คุณสามารถแชร์หมายเลขความปลอดภัยกับแอปพลิเคชันดังกล่าวได้โดยแตะที่ไอคอน "แชร์" และส่งหมายเลขความปลอดภัยของคุณให้ผู้ติดต่อได้

การทำให้ข้อความหายไป anchor link

Signal มีคุณสมบัติที่เรียกว่า "การทำให้ข้อความหายไป" ซึ่งจะลบข้อความออกจากอุปกรณ์ของคุณและอุปกรณ์ของผู้ติดต่อของคุณ ภายในระยะเวลาที่เลือก หลังจากมีการอ่านข้อความดังกล่าวแล้ว

ทั้งนี้คุณไม่สามารถควบคุมบุคคลที่คุณสนทนาด้วยได้ แม้ในกรณีที่มีการเปิดใช้คุณสมบัติ “การทำให้ข้อความหายไป” ก็ตาม เนื่องจากบุคคลดังกล่าวสามารถบันทึกข้อมูลหรือถ่ายภาพหน้าจอบทสนทนาได้

สามารถเปิดใช้งาน "การทำให้ข้อความหายไป" สำหรับการสนทนาได้ โดยเปิดหน้าจอที่คุณสามารถส่งข้อความให้ผู้ติดต่อได้ จากหน้าจอนี้ ให้แตะที่ชื่อของผู้ติดต่อที่ด้านบนของหน้าจอ จากนั้นแตะที่แถบเลื่อนที่อยู่ถัดจาก "การทำให้ข้อความหายไป"

หน้าจอใหม่จะปรากฏขึ้น ซึ่งคุณสามารถเลือกวิธีที่จะทำให้ข้อความหายไปอย่างรวดเร็ว:

หลังจากเลือกตัวเลือกแล้ว คุณจะเห็นข้อมูลในบทสนทนา ซึ่งระบุว่ามีการเปิดใช้ "การทำให้ข้อความหายไป"

ตอนนี้คุณสามารถส่งข้อความ โดยมั่นใจได้ว่าข้อความดังกล่าวจะถูกลบออกหลังจากเวลาที่กำหนดไว้